โดย อ.อำพล สงวนศิริธรรม

นานาสาระ

The Last Lecture : หนังสือน่าอ่านประจำปี
 
 
     สวัสดีครับ ผมมีโอกาสได้อ่านหนังสือแปลเล่มหนึ่งชื่อ The Last lecture จบ เมื่อคืนนี้ มีความตื้นตันใจและประทับใจในตัวผู้เขียนเป็นอย่างมาก ได้พบเรื่องราวข้อคิดที่มีคุณค่ามากมาย รวมทั้งสำนวนแปลที่สละสลวย ขอนำสิ่งดี ๆ เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ มาเล่าสู่กันฟังในครั้งนี้ครับ

     เกี่ยวกับหนังสือ หนังสือ The Last Lecture เป็นข้อเขียนที่เกิดจากการแสดงปาฐกถาครั้งสุดท้ายของ ศาสตราจารย์ ดร.แรนดี เพาช์ ที่มหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน สหรัฐอเมริกา ร่วมกับผู้ช่วยของเขาคือ เจฟฟรีย์ ชาสโลว์ เนื่องจาก ดร.แรนดี เป็นมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้ายที่หมอบอกว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่เดือน การแสดงปาฐกถาของเขาในครั้งนั้นจึงเป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ ได้ให้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับคนทั้งโลก หนังสือเล่มนี้ได้รับความนิยมมาก มีการแปลออกไปเป็นภาษาต่าง ๆ มากกว่า 22 ภาษา รวมทั้งฉบับภาษาไทยซึ่งแปลโดย"หนูดี" (วนิษา เรส) ตีพิมพ์ครั้งแรกในเดือนตุลาคม และฉบับที่ผมซื้อมาเป็นการพิมพ์ครั้งที่ 14 ครับ ดูรายละเอียดอื่น ๆ ได้ที่ www.thelastlecture.com

     เกี่ยวกับผู้เขียน ศาสตราจารย์ ดร.แรนดี เพาช์ เป็นศาสตราจารย์ประจำด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ ผลงานที่โดดเด่นมากของเขา คือการพัฒนาห้องทดลองเสมือนจริง (Virtual Reality) เป็นผู้เชี่ยวชาญที่เขียนเรื่องนี้ในสารานุกรมโลก (Encyclopedia) หมวดอักษร V ผลงานเหล่านี้ถูกนำไปเป็นเทคนิคในการสร้างภาพยนตร์มากมาย เช่นสตาร์วอร์ รวมทั้งเกมแอนนิเมชันต่าง ๆ และในสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ เขามีครอบครัวที่น่ารัก มีบุตร 3 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน อายุเพียง 5, 2 และ 1 ขวบ ตามลำดับ หัวข้อเรื่องที่ ศ.ดร.แรนดี แสดงปาฐกถาครั้งสุดท้ายคือ "ทำความฝันวัยเด็กของคุณให้เป็นจริงได้อย่างแท้จริง" ด้วยเวลาเพียงชั่วโมงเศษ ดร.แรนดี ใช้สไลด์ประกอบการบรรยายมากกว่า 200 ภาพ สะกดผู้ฟังในหอประชุมมากกว่า 400 คน ให้อยู่กับเขาตลอดเวลาด้วยความระทึกใจ ตอนหนึ่งเขากล่าวว่า "ผมเป็นผู้ชายที่โชคดีมากที่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตตามความฝัน ทั้งนี้เพราะมีบุคคลผู้น่าอัศจรรย์มากมาย ที่สอนผมมาตลอดเส้นทางชีวิต ถ้าผมสามารถเล่าเรื่องราวของตัวเองด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มีได้ การปาฐกถาครั้งนี้ของผม อาจช่วยให้คนอื่นพบเส้นทางไปสู่ฝันที่เป็นจริงของเขาได้เช่นกัน" ศ.ดร.แรนดี เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในตับอ่อนเมื่อเดือนกรกฎาคม ปีนี้ ด้วยวัยเพียง 47 ปี

     ข้อคิดจากหนังสือ มีข้อคิดที่ดี ๆ มากมายจากหนังสือเล่มนี้ ที่สามารถใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้ประสบความสุขและความสำเร็จได้ ขอยกมาเป็นตัวอย่างเช่น "...เป็นสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้ที่เราทำได้คือเลือกวิธีการตอบโต้ เหมือนที่เราไม่สามารถเปลี่ยนไพ่ที่เราจั่วมาได้ แต่เราจะเล่นไพ่ในมืออย่างไรต่างหาก" "ด้วยวิธีการใดบ้างที่เราจะสามารถทำสิ่งที่ดีอยู่ให้ดีขึ้นได้อีกขั้นหนึ่ง" "คนจำนวนมากใช้ชีวิตแต่ละวันให้ผ่านพ้นไปด้วยการพร่ำบ่นถึงปัญหาของตน ผมเชื่อว่าหากเราเอาพลังงานแค่หนี่งในสิบที่ใช้ไปในการบ่นมาแก้ปัญหา เราจะพบว่าเรื่องราวต่างๆ ออกมาดีอย่างไม่น่าเชื่อ" "มนุษย์ทุกคนจะแสดงให้คุณเห็นถึงส่วนที่ดีของเขาและแทบทุกคนในโลกมีส่วนที่ดี แค่คุณเฝ้ารอและสิ่งนั้นจะปรากฏให้คุณเห็น" "ประสบการณ์คือสิ่งที่คุณได้เมื่อคุณไม่ได้สิ่งที่ต้องการ" "หน้าที่ของพ่อแม่คือการสนับสนุนให้ลูกพัฒนาความสุขในการมีชีวิต และมีแรงกระตุ้นอย่างใหญ่หลวงที่จะก้าวไปตามความฝันของเขาเอง สิ่งที่ดีที่สุดที่พ่อแม่สามารถทำให้ได้ก็คือ การช่วยให้พวกเขาได้พัฒนาเครื่องมือส่วนตัวขึ้นมาชุดหนึ่งสำหรับภารกิจทำความฝันให้เป็นจริง"

     หนังสือเล่มนี้เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะ พ่อ แม่ ครู อาจารย์ แพทย์ พยาบาล นักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต หาโอกาสอ่านให้ได้นะครับ (ดูวิดีโอต้นฉบับ คลิกที่นี่)

25 ตุลาคม 2551



                                           

Copyright © 2025. All Rights Reserved.